วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

ทำให้คนอื่นและตัวคุณมีความสุข

ถ้าคุณทำอะไรได้สักอย่างที่ทำให้คนมีความสุข เป็นสิ่งไม่ต้องเสียเงิน หรือเสียเวลา คุณจะทำมั๊ย ...???

และถ้าสิ่งนั้นทำให้คุณมีความสุขด้วย คุณจะทำมั๊ย ...??? ทำให้คนอื่นและตัวคุณมีความสุข

ถ้าคุณทำอะไรได้สักอย่างที่ทำให้คนมีความสุข เป็นสิ่งไม่ต้องเสียเงิน หรือเสียเวลา คุณจะทำมั๊ย ...??? และถ้าสิ่งนั้นทำให้คุณมีความสุขด้วย คุณจะทำมั๊ย ...???
ถ้าคุณทำอะไรได้สักอย่างที่ทำให้คนมีความสุข เป็นสิ่งไม่ต้องเสียเงิน หรือเสียเวลา คุณจะทำมั๊ย ...???
และถ้าสิ่งนั้นทำให้คุณมีความสุขด้วย คุณจะทำมั๊ย ...???
เจ้าสิ่งวิเศษนี้คืออะไรนะ ที่ทำให้วันของคุณและคนอื่นๆ
รอบตัวคุณสดใสสว่างไสวโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท.....
....รอยยิ้มไงล่ะ.....
รอยยิ้มของคุณทำให้คนอื่นรื่นรมย์ใจ และทำให้คุณเองมีความสุขด้วย
นักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในซานฟรานซิสโก แบ่งรอยยิ้มได้ถึง 19 แบบ
แต่ละแบบสามารถสื่อสารสิ่งที่น่าพอใจออกไปได้
...และมักจะได้รอยยิ้มจากคนอื่นกลับมาด้วยเสมอ...

*************************

ในการวิจัยผู้ใหญ่ในวัยต่างๆ กัน พบว่า
การแสดงสีหน้าต่างๆ มีผลต่อคนรอบๆ ตัว
พูดอีกอย่างหนึ่งคือ หน้าที่หมองเศร้า
ก็จะทำให้คนอื่นหมองเศร้าไปด้วย
ส่วนหน้ายิ้ม...
ก็จะกระตุ้นให้คนอื่นยิ้มแย้มและมีความสุขไปด้วย

ถ้ารักแล้วมีแต่น้ำตา คุณยังจะรักไหมอยู่ไหม

ถ้ารักแล้วมีแต่น้ำตา คุณยังจะรักไหมอยู่ไหม

เวลามีเขาอยู่ข้างๆก็มีความสุขมากมาย

เวลาที่เขาห่างกาย ก็เจ็บปวดเหงาเกินจะทน

อาจจะมองเหมือนรักนี้ทำไมมีแต่น้ำตา

ไม่เห็นมีความสุขดังที่ฝัน

คุณเลือกที่จะรักแล้ว แม้รู้ว่ารักที่คุณเลือกมันไม่ราบรื่นดังหวัง

แต่คุณก็เลือกที่จะรักเขาคนนั้น

ก็ขอให้ทนและฟันฝ่าห้วงเวลาที่เขาไม่ได้อยู่กับเราผ่านให้ได้ก็แล้วกัน

นึกถึงเวลาที่อยุ่กับเขาแล้วมีความสุขมากมาย

แต่เวลาที่เขาอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณ คุณก็จะทุกข์มากมายเช่นกัน

และไม่สามารถตอบได้อีกเช่นกันว่า

เขาคนที่คุณรักมากมายเช่นนี้

สิ่งที่คุณเป็น ในความรู้สึกของคุณ

เวลาที่เขาอยู่ และเวลาที่เขาไม่อยู่

คุณลองบอกให้เขารู้สักครั้งสิว่าคุณเป็นอย่างไรบ้าง

ความรักของคุณอาจจะมีความน้ำตาน้อยลง หรือไม่มีอีกเลย

ถ้าหากรักนี้คือรักที่คุณเลือกแล้วจริงๆ

ถ้าฉันอ่อนไหวขอให้เธอหนักแน่น

ที่รักของฉัน

ฉันคิดมาเนิ่นนาน

ให้เราเป็นด้านต่างของกันและกัน

เหมือนสายลมหนาวคู่กับแสงตะวันอุ่น

เหมือนผืนดินร้อนผากแตกระแหงคู่กับสายฝนหล่นชุ่มโปรยปราย

เหมือนกับยามบ่ายอันแสนเหงาคู่กับเสียงนกร้องเพลงเริงร่า

ที่รักของฉัน

ถ้าฉันร้องไห้ จงช่วยปลอบโยนฉันด้วยถ้อยคำอันลึกซึ้งอ่อนหวาน

ถ้าฉันนอนหลับฝันร้าย โปรดโอบกอดฉันด้วยลำแขนอันเปี่ยมความรักของเธอ

ถ้าฉันเกรี้ยวกราดบ้าคลั่ง เธอควรเป็นสายลมเย็นโลมลูบ

และถ้าฉันอ่อนไหว ของให้เธอหนักแน่น

ที่รักของฉัน

บนโลกนี้เราผ่านมาแล้วผ่านไป

ความรักคือสิ่งใดเล่า

หากไม่ใช่การพบพานและการพลัดพราก

แต่ระหว่างที่ความรักดำรงอยู่

หากเธอคือขุนเขา ฉันขอเป็นสายลม

หากเธอเป็นสายลม ฉันก็คือขุนเขา

ช่วยโอบถนอมกันและกันไว้

จนกว่าเราจะพลัดพรากจากกันด้วยความตาย

ดูแลความรักให้สดใสเสมอทำได้น

ดูแลความรักให้สดใสเสมอทำได้นะ

ใคร รู้สึกว่าเรายังรักกันอยู่ แต่แค่รู้สึกว่าความรักของคุณชักเริ่มไม่เข้าท่า ลองหยิบเคล็ดลับดีๆไปใช้กันดู แล้วจะรู้ว่ามีอีกตั้งหลายวิธีที่ทำให้ความรักของคุณกลับมาสวยงามได้อีก ครั้ง..

รู้จักให้อภัย

อยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง ก็ต้องมีบ้างที่ความเห็นและการกระทำที่แสดงออกมาจะไม่ถูกตาต้องใจคนรัก ฉะนั้นต่างฝ่ายต่างก็ต้องรู้จักให้อภัยกัน และอย่ามองในข้อเสียของเขาให้มาก (โดยเฉพาะก่อนแต่งงาน ให้มองหาข้อเสียของเขาให้มากที่สุดและดูว่าคุณรับได้หรือไม่ ถ้ารับได้ก็ให้ลืมมันไปเลย) พยายามมองในแง่ดี ใช้เหตุผล ยอมรับในสภาพที่เขาเป็น แล้วเวลาเขาทำอะไรผิด อย่ามองว่าเป็นความผิดของเขาคนเดียว บางทีเราอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เขาทำผิดได้เหมือนกัน อย่างบางครั้งเขาทำงานหนักกลับมา เรามีเรื่องไม่สบายใจต้องเก็บไว้ก่อน เราต้องมีเหตุผลและเขาก็ต้องดีจริงๆเหมือนกันเราถึงให้อภัยเขาได้

แชร์ความรู้สึกระหว่างกัน

มี อะไรต้องพูดคุยกัน ไม่โกหกกัน แต่ต้องรู้จักวิธีพูดกับเขา โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้หญิงแล้วพูดจาดีๆอ่อนหวานนิดๆ ผู้ชายทุกคนแพ้หมด และถ้าเขารู้ว่าอยู่ตรงไหนแล้วเขาสบายใจ เขาก็จะอยู่กับเรานานๆ เวลาที่เรารู้สึกไม่พอใจอะไรให้บอกเขาไปเลย เพราะผู้ชายไม่เข้าใจธรรมชาติของผู้หญิง แล้วโดยธรรมชาติของผู้ชาย เขาจะสนใจเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว แต่อย่าไปพูดว่าเขาผิด จะทำให้เขารู้สึกโกรธเรา อาจบอกเขาแทนว่าเขาทำแบบนี้รู้มั้ยว่าเรารู้สึกยังไง แสดงความเป็นห่วงเป็นใยให้เขาเห็น เขาจะค่อยๆเรียนรู้ ถ้าไม่บอกเขาก็ไม่รู้ ถ้าไม่ใช่ผู้ชายละเอียด เขาก็ไม่รู้ว่าเรางอนอะไร ไปๆมาๆอาจรำคาญเราแทนซะอีก ผู้ชายเขาชอบให้เป้งเดียวจบ แล้วอย่าขุดเรื่องเก่ามาว่ากัน

มีเวลาให้กันและกัน

บาง คู่อยู่กันนานๆอาจหมดเรื่องคุยกันได้ ลองหากิจกรรมอะไรที่ทั้งสองคนชอบเหมือนกัน มันจะทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่นขึ้น ต้องจัดเวลาให้ถูก มีเวลาให้อยู่ด้วยกัน อย่างชวนกันไปเล่นกีฬา วิธีนี้จะทำให้เรากับเขาหายเครียด เวลาออกกำลังกายพอได้เหงื่อก็จะรู้สึกสดชื่น สบายใจ ทีนี้ตอนกลางคืนก็ไม่มีแรงจะมานั่งทะเลาะอะไรกันแล้ว อีกอย่างก็คือกีฬาจะทำให้เรารู้จักอดทน ทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น อารมณ์ก็จะเย็นลงด้วย แต่ต้องออกกำลังกายแบบต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป เราจะรู้สึกว่านิสัยตัวเองเหมือนจากที่เคยใจร้อน ขี้หงุดหงิดก็จะหายไป ทีนี้จะคุยกันดีๆ ใจเย็นๆและข้อคิดอีกข้อก็คือช่วยรักษาสุขภาพให้เราไปด้วยในตัว

ความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เพราะทั้งสองคนมาจากต่างครอบครัว ถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน แล้วถ้าเราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเราก็ทำให้เราไม่ทะเลาะกัน บางครั้งอาจจะมีเรื่องให้เราเซอร์ไพรส์ทั้งร้ายและดี แต่ถ้าเรารู้ว่าทำไมเขาทำแบบนี้ เป็นแบบนี้เพราะอะไร รู้ที่มาที่ไปของพฤติกรรมของเขา เราก็จะไม่โกรธ และในขณะเดียวกันเขาเองก็ควรเข้าใจตัวเราให้มากๆด้วย ต้องเป็นความเข้าใจที่เกิดจากคนสองคน

ยอมกันบ้าง

เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตัดสินปัญหาแบบคนละครึ่งทางเสมอ บางครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันก็ต้องยอมๆกันบ้าง บางครั้งเรายอม บางครั้งเขายอมจได้ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน

รู้จักสังคมของทั้งสองฝ่าย

โดยเฉพาะคนสนิทที่อยู่แวดล้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นสังคมเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว ควรทำความรู้จักไว้ ต่างคนต่างจะได้รู้ว่าสังคมของกันและกันเป็นยังไง ถ้าเราไม่สนใจเลย เราไม่รู้จักเพื่อนเขา อาจทำให้ความรู้สึกระหว่างกันมันขาดๆหายๆไป เวลาคุยกันเรื่องเพื่อนก็จะต่อกันไม่ค่อยติด เวลาเขาไปไหนกับเพื่อนก็ไม่อยากให้เราไปด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตามไปซะทุกครั้ง ไม่งั้นจะทำให้เขาอึดอัดแทน

ยอมรับในความแตกต่าง

คนเราไม่มีใครคิดเหมือนกันได้ทุกอย่าง ในความเหมือนก็ต้องมีความแตกต่าง เขาอาจคิดไม่เหมือนเรา เป็นเพราะเขามีลักษณะแตกต่างกัน บางคนใช้ความคิดเป็นหลัก บางคนใช้ความรู้สึกตัดสิน บางคนใช้สัญชาตญาณเพราะฉะนั้นทุกคนมีความแตกต่างกัน เราต้องรู้จักเรียนรู้และยอมรับความแตกต่างตรงนี้ให้ได้ โดยเฉพาะต้องยอมรับในข้อเสียของกันและกันได้ ถ้าเรายอมรับได้เรื่องร้ายๆก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะจริงๆแล้วคนเราไม่เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะเปลี่ยนให้เราได้ ไม่งั้นจะทำให้เราเป็นฝ่ายเสียใจ ทุกข์ใจเสียเปล่าๆ

อิสระและความเป็นส่วนตัว

เพราะคนเรามีความสนใจหลากหลาย ถ้าเราไม่ปล่อยให้เขามีอิสระเวลาอยู่กันไปนานๆก็จะทำให้ชีวิตคู่เบื่อ เซ็ง และอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องรู้จักหาความพึงพอใจในชีวิตของตัวเองด้วย อย่าคาดหวังว่าอีกคนจะมาเติมเต็มในส่วนที่ขาดให้กับเรา คิดแค่ว่าเรามีอีกคนเป็นเพื่อนที่รักกัน ดูแลกันก็พอแล้ว อย่างอื่นถ้าเราอยากได้อยากเป็นอะไรก็ต้องหาเอาเอง ไม่งั้นเราก็จะคาดหวังทำให้เราเสียใจ

ข้อบกพร่องของตัวเอง

ต้อง รู้ว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ถ้าเราเป็นคนหงุดหงิดง่าย บางครั้งถ้าเขาทำอะไรไม่เป็นไปตามที่เราคิดก็จะทำให้หงุดหงิดใจ มานั่งนึกว่าทำไมเขาไม่ได้ดังใจ ทำไมเขาไม่เข้าใจ ถ้าเราเข้าใจว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เราต้องยอมรับว่าบางครั้งเราก็ทำอะไรแย่ๆได้ เขาเองก็เป็นแบบนั้นได้เหมือนกัน อย่างถ้าเราเป็นคนขี้ระแวง บางครั้งเราก็ไปแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์ ถ้ามีสติเราจะเริ่มรู้สึกว่าเราระแวงไปเอง บางทีเราเอาเรื่องมาปะติดปะต่อแล้วก็คิดไปเอง ทั้งๆที่ในความเป็นจริงอาจจะไม่มีอะไรแต่ความระแวงจะทำให้เกิดเหตุการณ์ ร้ายๆตามมาได้

เอาใจเขามาใส่ใจเรา

หลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นจากคนสองคน ทั้งเรื่องงาน เพื่อน ครอบครัว เราต้องมองว่าถ้าเราทำแบบนั้นเขารู้สึกยังไง ถ้าเราทำอะไรไม่ดีออกไป เราก็ต้องเข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธ ไม่ได้มองตัวเองเป็นศูนย์กลางไปซะทุกอย่าง

เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

ไม่เอาเรื่องเครียดๆมาโยนใส่กัน เวลาเจอกันก็จะเล่าแต่สิ่งดีๆให้เขาฟังหรืออาจปรึกษาเขาว่าควรทำยังไงดี ไม่ใช่เจอกันทีก็บ่นใส่เขา จะทำให้เขารู้สึกว่าเจอคุณทีไรก็มีแต่เรื่องเครียดๆตลอด คุยกันเรื่องสนุกๆจะทำให้เขารู้สึกสุขใจ สบายใจ วิธีนี้จะทำให้เขาอยากเจอเรา อยากมาหาเรา เพราะรู้ว่าอยู่กับเราแล้วมีความสุข เขาก็ไม่อยากไปไหน แล้วก็จะไม่ไปจุกจิกใส่เขา ให้คิดตลอดว่าชีวิตมันสั้น ทำไมเราไม่ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข

รู้จักดูจังหวะและสถานการณ์

อย่างถ้าเขาทำงานมาเครียดๆแล้วเราก็มีเรื่องเครียดอยู่ เราก็ต้องดูอารมณ์เขาหน่อย อย่าเพิ่งไปคุยเรื่องเครียดๆกับเขา ถ้าเขาร้อนมาเราก็ต้องเย็นเข้าไว้ เอาใจเขาหน่อย ดูก่อนว่าเขาหิว เหนื่อย เครียดหรือเปล่า ถ้าใช่ทำอะไร หาอะไรที่เขาชอบ พอเขาอารมณ์ดีเราค่อยคุยกับเขา แต่ถ้าวันนั้นเขาปกติ ก็ต้องดูอารมณ์ว่าควรจะพูดควรจะฟังตอนไหน

คำว่า "รัก"


คำว่า "รัก"

มีอะไรมากมายซุกซ่อนอยู่ในนั้น อาจจะหวานชื่น ขมขื่น หรืออะไรอื่นอีกหลากหลาย ที่จะทำให้คนรู้จัก "รัก" ได้สัมผัสและรู้สึกถึง….
ความรักเริ่มจากความคิด
เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก บางที.. ความรักอาจทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงความคิดไปจากเดิม
อาจทำให้คนเราต้องปรับปรุงในสิ่งที่เคยทำ เพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคน
ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา
คุณจะไม่สามารถรักใครได้ ถ้าไม่รู้สึกเชื่อมั่นเสียก่อน และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น ก็คือตัวเอง
ความรักคือการให้ ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรัก
สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการให้ ยิ่งให้.. คุณก็จะยิ่งได้รับ
สูตรลับของความสุขและทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คือ
อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า
ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่
อยากได้รักแท้ ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้เสียก่อน การจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา
แต่อยู่ที่ว่า.. ต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันหรือเปล่า
หากจะรักใครอย่างจริงใจ คุณควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็น
มิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโตทุก ๆ วันนั่นเอง
การสัมผัส ช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น
เคยรู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครโอบไหล่หรือกอดคุณ? การสัมผัส.. จึงเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่มีพลัง
และช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วย
น่าแปลกที่การสัมผัสสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาบางลงได้
อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย
ถ้าคุณรักใคร.. จงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้าง เพราะคุณเองคงรู้สึกอึดอัด
ถ้ามีใครมาล่ามโซ่คุณ ดังนั้น.. จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดี
เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความกลัวภายในใจ เรียนรู้ที่จะยุติธรรม และลดทิฐิ รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ลงบ้าง
ลองบอกตัวเองว่า.. นับแต่นี้ คุณจะทิ้งความกลัวทั้งหมด แล้วอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวคุณได้..
นับจากวันนี้ไป คุณก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที

ชีวิตจะเปลี่ยนไป
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้างและซื่อสัตย์ต่อกัน รวมถึง.. คุยกับคนรักอย่างเปิดเผย
และกล้าที่จะพูดถ้อยคำวิเศษว่า "ฉันรักเธอ" โดยไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดลอยไป
คุณควรจะบอกรักก่อนจากกันทุกครั้งเสมอ เพราะบางที.. นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะพบกัน!



แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน

ถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนหนึ่งจะรู้สึกระแวง กังวล และหวาดหวั่น
ขณะที่อีกคนรู้สึกอึดอัดใจ ที่สำคัญ.. คุณไม่อาจรักใครจริง ๆ ได้ ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาคนนั้นอย่างแท้จริง

ความสุขกับการแสวงหา

แต่ เมื่อพิจารณาให้ถ่องแท้แล้วจะเห็นได้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีและดูคล้ายจะ เหมือนกันนั่นก็คือเป้าหมายในชีวิตเป็นความเป็นไปได้ที่จะกล่าวว่าคนเราทุก คนมีเป้าหมายในชีวิต มีการแสวงหาในสิ่งที่ต้องการแตกต่างกัน ทุกคนทำงานก็เพื่อที่จะมีกินมีใช้ มีความสะดวกสบายใจชีวิต หรือที่ดีขึ้นไปอีกนิดหนึ่งคือมีเหลือพอที่จะบริจาคเพื่อการกุศล ช่วยเหลือสังคม นี่อาจเป็นความหมายในนัยหนึ่งของการแสวงหาที่เข้าใจในรูปธรรม

นอกจากความเข้าใจเบื้องต้นแล้วเรายังอาจคิดถึงการแสวงหา ในอีกความหมายหนึ่งจากคำกล่าวข้างต้นคือ "ถ้าท่านแสวงหาสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น จะมีสิ่งใดควรค่าแก่การแสวงหาอีกเล่า" ถ้ามองให้ลึกซึ้งสักนิดจะเห็นว่าคุณค่าของการแสวงหาหาได้อยู่ที่การได้มา ซึ่งสิ่งที่ต้องการไม่ แต่คุณค่าของมันกลับอยู่ที่ความมานะพยายามที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ท่านแสวงหา ต่างหา เนื่องจากเหตุผลที่ว่าหลังจากที่ท่านประสบความสำเร็จในสิ่ง ที่ท่านแสวงหาแล้วท่านจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย และว้าเหว่อย่างยิ่ง เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะให้ท่านต้องพยายามเพื่อให้ได้มาอีก ไม่มีสิ่งใดเป็นคุณค่าสูงสุดที่ควรค่าแก่การที่ท่านจะออกแรกไปแสวงหามา หรืออีกนัยหนึ่งในฐานะที่เป็นคริสตชนที่มีความเชื่อ อาจกล่าวถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าในลักษณะที่ว่า ถ้าท่านแสวงหาพระเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์นี่เป็นคุณค่าสูงสุดในชีวิต และ ท่านก็ได้สิ่งนั้นมา ถามว่าจะมีสิ่งใดมีค่าควรแก่การแสวงหาของท่านอีก? ในเมื่อสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุด ท่านก็ได้มาแล้ว

เมื่อ เป็นเช่นนี้ คุณค่าของการแสวงหาจะอยู่ ณ ที่ใด บางคนกล่าวว่า "ความสุขที่แท้จริงคือตอนที่ท่านกำลังมานะรุกไปเบื้องหน้า" หรือคำที่ว่า "ความโดดเดี่ยวและความวิตกกังวลเพียงสิ่งเดียวของจอมยุทธก็คือการหาคู่ ต่อสู้ที่ทัดเทียมกันสักค น" หรือคำกล่าวที่ว่า "ชัยชนะกับความสำเร็จหาสามารถทำให้ผู้อื่นรู้สึกพอแก่ใจอย่างจริงจังไม่ และไม่อาจให้ผู้คนร่าเริงแจ่มใสได้โดยแท้จริงด้วย" คุณค่าและความสุขที่แท้จริงของการแสวงหาจะเป็นสิ่งใด มันคือสิ่งที่เราได้รับจากการมานะเพียรพยายาม หรือว่าเป็นช่วงขณะเวลาที่เรากำลังมุ่งแสวงหา

ความรัก กับ การรอคอย

ทหาร หนุ่มแอบหลงรักเจ้าหญิงเลอโฉม เขาตระหนักถึงความสูงส่งของเธอ เฉกเช่นเดียวกับที่ตระหนักถึงความต่ำต้อยของตน แต่เขายังรวบรวมความกล้า เดินเสี่ยงตายเข้าไป บอกเธอว่า“รัก” และจะอยู่บนโลกต่อไปโดยไม่มีเธอไม่ได้ เจ้าหญิงผู้เป็นดวงใจตอบเขาว่า
“ถ้าสามารถรอคอยอยู่ใต้ระเบียงห้องเธอได้ติดต่อกัน 100 วัน 100 คืน เธอจะเป็นของเขาตลอดไป”

ณ ใต้ระเบียง ทหารหนุ่มเฝ้ารอคอยอยู่ตรงนั้น วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
โดย ไม่ยอมขยับเขยื้อนกายไปไหน เขารอคอยในสายลมบาดผิว รอคอยในสายฝนกระหน่ำ รอคอยในความหนาวเหน็บของหิมะ วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า โดยมีเจ้าหญิงของเขาเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา เธอเห็นหยาดน้ำตาของเขาพรูพรายเป็นสาย จนกระทั่งในคืนที่ 99 ทหารหนุ่ม หยุดร้องไห้ หยุดรอคอย หยุดทุกอย่างไว้แล้วหันหลังเดินจากไป

เรื่องนี้ไม่มีตอนจบ แต่มีบางคำถาม บางคำตอบในใจ ความรักของเธอกับเขาอาจจะเหมือน “นาฬิกา ทราย” เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดรักไปในใจ อีกฝ่ายหนึ่งกลับรักขึ้นมาใหม่เต็มเปี่ยม แต่บางทีทหารหนุ่มอาจตั้งใจแค่แสดงให้เห็นว่าเขารักเธอจริงแท้แค่ไหน แค่พิสูจน์ให้เห็น แต่ไม่ต้องการ ครอบครองไว้ หรือบางทีเขาอาจเสียใจ ต้องตัดใจจากไปเพราะรักเขาถูกทำร้ายย่ำยี หรือบางทีเป็นเจ้าหญิงเองที่เสียใจ เพราะไม่เคยมีใครรักเธอได้อีกถึงเพียงนี้...

ความรัก เป็นสิ่งที่ออกแบบไม่ได้ ความรัก เป็นเรื่องที่บังคับใจกันไม่ได้ ความรัก ที่บริสุทธิ์ คือ การให้... ให้โดยที่ไม่หวังว่าจะได้อะไรตอบแทน .........แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ให้มักจะหวังอยู่ลึกๆ ที่จะได้ความรักเป็นสิ่งตอบแทน..เสมอ และเมื่อเค้าได้ ความรัก กลับมาแล้ว มีเพียงน้อยคนนักที่จะสามารถให้ในลักษณะนี้ได้ตลอดไป

ความอดทนอยู่คู่กับความรักไม่ได้ แต่ความเข้าใจต่างหากที่ควรเคียงคู่กันไป ถูกต้องที่ “เวลา” เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะความรัก การประคองให้รักกันได้ตลอดไป เป็นสิ่งที่ยากกว่าการจะทำอย่างไรให้รักกัน

เจ้าหญิงไม่ผิด และ ทหารผู้นี้ก็ไม่ผิด เพียงแต่เวลาของ ความรัก ของสองคนนี้... ไม่เท่ากันเท่านั้นเอง

เราจะรู้ค่าของสิ่งของสิ่งหนึ่ง เมื่อเราได้รู้ว่าเรา... “ได้เสียมันไปแล้ว”